10 พฤศจิกายน 2553

Docking iPod สุดพิเศษจาก Onkyo


หากคุณกำลังมองหา Docking ที่มีคุณภาพเสียงดีๆสักอันแล้วล่ะก็วันนี้เราขอ นำเสนอ Docking iPod สุดพิเศษจาก Onkyo ซึ่งทาง Onkyo เองออกมา ประกาศว่าได้มีการเปิดตัว Docking รุ่นใหม่ไปพร้อมกันถึงสองรุ่นด้วยกัน ได้แก่ CS-V654 และ CS-445 โดยความแตกต่างของ Docking ทั้ง สองรุ่นก็อยู่ตรงที่เจ้า CS-C654 นั้นมีหน้าจอสำหรับแสดงผลวิดีโอติดมาให้ พร้อมกันเครื่องอ่านแผ่นดีวิดีในตัว แต่ในส่วนของเจ้า CS-445 นั้นเป็นเพียงเครื่องเล่นเพลง ที่มีแค่เครื่องอ่านแผ่นซีดีติดมาให้เท่านั้น นอกจากนี้สเปคคร่าวๆของเจ้า Docking ทั้งสองก็ได้แก่สามารถรองรับไฟล์ DivX, MP3, WMA และ JPEG ได้ และในส่วนของ เจ้า CS-V654 ยังมีความสามารถในการอัพสเกลภาพให้สามารถทำงานบนหน้าจอ แบบ Full HD ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

AMOLED บางเพียง 0.1 มิลลิเมตรถูกคิดค้นขึ้นแล้ว


หลังจากที่มีค่ายยักษ์ใหญ่อย่างพวก TDK, Sony, LG , HP และบริษัทดังๆอีกมากมายกำลัง คิดค้นและพัฒนาหน้าจอ AMOLED ที่มีความหนาเพียง 0.3 มิลลิเมตรอยู่แล้วนั้น ก็ได้มีบริษัทม้ามืดจากประเทศใต้หวันนามว่า ITRI ที่ทำงานด้านการค้นคว้าและวิจัยโดยเฉพาะ ได้ทำการคิดค้นและพัฒนาหน้าจอแบบ AMOLED ขึ้นมาใหม่อีกครั้งที่มีความบางเพียง 0.1 มิลลิเมตร ซึ่งเจ้าหน้าจอที่บางเพียง 0.1 มิลลิเมตรที่ว่านี้ ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีความบางมากจนสามารถดัดงอเล่นได้ราวกับกระดาษเลยที เดียว และผลจากการค้นคว้าและวิจัยในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่เป็นตัว บ่งบอกว่าเทคโนโลยีของโลกเรานั้นก็ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น

REGZA ทีวีสามมิติที่ดูได้โดยไม่ต้องใส่แว่น 3D


โตชิบา (Toshiba) เปิดตัวทีวีรุ่น REGZA ในงาน CEATEC Japan 2010 ซึ่งใช้เทคโนโลยีกระจกสองชั้นทำให้เกิดภาพสามมิติ (3D) โดยไม่ต้องใช้แว่นตาสามมิติ และจะเริ่มออกจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนธันวาคมศกนี้ โดย REGZA ในรุ่น 20GL1 จอขนาด 20 นิ้ว ความละเอียด 1280×720 (550:1 ratio) ราคา 240,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 86,900 บาท และรุ่น 12GL1 จอ 12 นิ้ว ความละเอียด 466×350 (500:1 ratio) ราคา 120,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 43,500 บาท ทั้งสองรุ่นสามารถต่อกับ USB และSD Card ได้

9 พฤศจิกายน 2553

เครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์ตัวใหม่จาก ชาร์ปกำลังจะถูกวางขาย


หลังจากที่ชาร์ป (Sharp) ได้เปิดตัวเครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์รุ่น ultraslim BD-AV70 ที่งาน CEATEC ไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ และแล้วบัดนี้ทางชาร์ปเองก็ได้ออกมาเผยว่ากำลังจะนำเจ้าเครื่อง เล่นแผ่นบลูเรย์ ultraslim BD-AV70 ออกวางจำหน่ายแล้วในกลางเดือนธันวาคมที่กำลัง จะมาถึงเร็วๆนี้ ในราคาประมาณ 35,000 บาทไทยนั่นเอง แต่เห็นราคาแรงๆแบบนี้ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ เพราะเจ้า ultraslim BD-AV70 ที่ว่านี้ไม่ได้เป็นแค่เครื่องเล่นบลูเรย์ธรรมดาเท่านั้นนะซิ แต่แท้จริงแล้ว เจ้า ultraslim BD-AV70 ที่ว่านอกจากจะถูกออกแบบให้มีขนาดที่บางแล้วยังสามารถอ่านแผ่นบลูเรย์สาม มิติ และ แผ่นบลูเรย์ขนาด XL ได้อีกด้วยนั่นเอง

Samsung 3DTV จอขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลก 70 นิ้ว


Samsung Electronics ขอโชว์ความเทพในตลาดทีวีแบบ 3 มิติด้วยโทรทัศน์ 3DTV รุ่นโปรโตไทป์ตัวใหม่จากทางบริษัทที่จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุด ในโลกถึง 70 นิ้วเพื่อให้คุณสนุกสนานกับการรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมส์สุดมันส์แบบทะลุจอ ได้เลยทีเดียว

โดยเจ้า 3DTV ตัวนี้มาพร้อมกับความถี่สูงถึง 240Hz และปักป้ายเอาไว้ว่าเป็นทีวีในระบบภาพแบบ Ultra Definition ด้วยความละเอียดสูงสุดชนิดสะท้านทรวงในถึง 3,840*2,160 พิกเซล เรียกได้ว่าสามารถเขี่ยพวก HDTV หรือโปรเจกเตอร์ 1080p ตัวใหญ่ๆทั่วไปให้ตกกระป๋องได้ง่ายๆเลยละ

สำหรับเทคโนโลยีที่นำมาใช้งานใน 3DTV ตัวนี้ซึ่งช่วยให้ภาพออกมาไหลลื่นไม่มีติดตัดแม้แต่น้อยก็คือซิลิคอนความ เร็วสูงแบบใหม่ซึ่งทาง Samsung ได้พัฒนาขึ้นเองเพื่อช่วยให้พิกเซลแต่ละจุดสามารถประมวลผลภาพออกมาได้อย่าง รวดเร็วและยังสามารถรองรับระบบ 3D แบบใส่แว่นได้อย่างสบายๆด้วย

8 พฤศจิกายน 2553

AOC LCD มอนิเตอร์ 50,000,000:1


AOC LCD มอนิเตอร์ที่มากับดีไซน์ขอบหน้าจอ และพื้นใต้ฐานเครื่องสีดำ ส่วนตั้งแต่ฝาจอด้านหลัง ไล่ไปแกนยึด ไปจนถึงฐานตั้งเป็นสีขาวล้วน ความบางอยู่ในระดับ 12.9 มิลลิเมตร ขนาดที่จะวางจำหน่าย ก็เริ่มตั้งแต่ 18.5 ไปจนถึง 23 นิ้ว จอทั้งหมดก็จะเป็นแบบ wide screen 16:9 แต่ความละเอียดหน้าจอยังไม่ได้บอกว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ตัวใหญ่ๆก็น่าจะเป็น1920×1080 นั่นแหละครับ พอร์ตที่มีก็คงมี VGA กับ DVI เบสิคมาด้วยอยู่แล้ว (ถ้าไม่มีมาก็ไม่ใช่มอนิเตอร์แล้ว) ความเร็วในการตอบสนอง 5ms ปกติ ไดนามิก คอนทราสท์บอกว่าจะอยู่ที่ 50,000,000:1 ด้วย! ใช่ครับอ่านไม่ผิด ‘ห้าสิบล้านต่อหนึ่ง’ จริงๆ โอ้ว อะไรมันแรงขนาดน้านนน เรื่องราคาพี่เค้ายังไม่บอก รออีกนิดเดี๋ยวคงได้รู้กัน เอาภาพตัวเครื่องไปดูพลางๆด้านล่างกันก่อน สำหรับใครที่คิดจะเล็งเอาไว้



ViewSonic แนะนำมอนิเตอร์ใหม่ ในคอนเซ็ปท์รักษ์โลก


GO LED. GO GREEN เป็นสโลแกนใหม่ขอจอมอนิเตอร์ใหม่ 2 รุ่นล่าสุดจาก ViewSonic ซึ่งได้รับการรับรองจาก EPEAT ในระดับ Gold ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การรับรอง ว่าได้รับการตรวจสอบและวัดผลว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเจ้าจอตัวนี้มันรักษ์โลกจริงๆ ไม่ได้โม้ มาในชื่อซีรี่ VG36-LED โดยมีทั้งหมด 2 รุ่น คือ VG2236wm-LED เป็นจอขนาด 22 นิ้ว และ VG2436wm-LED เป็นขนาด 24 นิ้ว ย้ำอีกทีว่ารุ่นนี้เป็นจอ LED ความละเอียด 1,920 x 1,080 ทั้ง 2 ตัว มาพร้อมกับการเชื่อต่อมาตรฐาน VGA และ DVI อัตรา dynamic crantrasrt อยู่ที่ 20,000,000:1 มาพร้อมราคา $229 (ประมาณ 6,796 บาท) และ $259 (ประมาณ 7,687 บาท) ตามลำดับเลย

ที่มา lcdspec.com

5 พฤศจิกายน 2553

ความ แตกต่างระหว่าง LCD TV, LED TV และ Plasma TV


กาลเวลาเปลี่ยนแปลงยุคสมัยเริ่ม เปลี่ยนวิวัฒนาการและเทคโนโลยีก็หมุนเวียน เปลี่ยนตาม จากเดิมที่เริ่มจำความได้ว่าทีวีบ้านเราๆนั้นจะเป็นจอสีเหลี่ยมจัตุรัส ที่ มีขนาดให้เลือกตั้ง 14,21,25,29นิ้ว ให้คุณเลือกตามกำลังและความต้องการ เวลาล่วงเลยมาได้2-3ปีให้หลังคุณอาจจะเห็นทีวีลดน้อยลงไปแทบจะไม่เห็นเลย เพราะ Plasma TV กับ LCD TV จาก ความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าทั้งความสามารถทั้งขนาดที่ดูแล้วควบคู่มากับราคา ที่เปลี่ยนจากเดิม จึงทำให้ เข้ามาตีตลาดให้จอทีวีค่อยๆลดหายลงไป และในปัจจุบันสิ่งเปลี่ยนแปลงและค่อยๆก้าวเข้ามาคือ LED TV

คงอยากรู้กันแล้วสินะครับว่าทั้ง LCD TV, LED TVและPlasma TV แตกต่างกันอย่างไร เรามาเริ่มรู้จักที่ละอย่างเลยครับ เริ่มที่ตัวของ LCD TV ก่อน เลย จากราคาที่น่าสนใจและตลาดที่แทบจะทุกค่ายผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ผลิตออก กันมาส่วนใหญ่จะเป็น LCD TV

LCD TV (Liquid Crystal Display) ซึ่ง ใช้หลอดไฟ CCFL หรือ Cold Cathode Fluorescent Lamp ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดผอมคล้ายๆหลอดกาแฟ เรียงในแนวนอนยาวลงมาเป็นตัวกำเนิดแสง แสดงภาพโดยเริ่มจากแหล่งกำเนิดแสง Backlight ส่องแสงไปที่ผลึกเหลว (ลักษณะ คล้ายๆเยลลี่ ดังนั้นถ้าลองสังเกตดูว่าถ้าเอามือจิ้มลงไปที่จอจะรู้สึกว่านิ่มๆ) ที่หยอดเอาไว้ระหว่างช่องกระจกจะถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ทำให้โมเลกุลของลิควิดคริสตัลในส่วนของจุดภาพ พิกเซล (pixel) นั้น หมุนเป็นมุม 90 องศา เพื่อให้เกิดได้ทั้งจุดสว่าง และจุดมืด (แต่ละพิกเซลไม่สามารถ กำเนิดแสงได้เอง) หากเรากล่าวว่าเทคนิคของ LCD คือ การบิดตัวโมเลกุล แล้วเอาเงาของมันมาใช้งานก็ถือว่าถูกต้องอย่างที่สุด LCD ทีวีจะมีหลายขนาดมากๆ ไล่ตั้งแต่ 15 นิ้ว ไปจนถึง 108 นิ้ว ครับ

LED TV ย่อมาจาก Light Emitting Diode เป็นหลอดไฟขนาดเล็กจิ๋ว อาทิเช่นหลอดไฟท้าย Minor Change ของ Honda Civic โฉมปัจจุบัน ซึ่งใช้หลอด LED เป็นตัวกำเนิดแสง และมี Liquid Crystal เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี ทั้งสีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว คอยบิดตัวเป็นองศาเพื่อให้แสงจากหลอด LED ส่องลอดผ่านออกมาเป็นสีสันต่างๆ

PLASMA TV ภาพแบบพลาสม่าทีวี แสดงภาพโดยการใช้แสงที่เกิดจากการแตกตัว ionized ของ neon gas (นีออน)เพื่อแสดงผลของภาพออกมาที่แผงหน้าจอ ภายในจอภาพมีองค์ประกอบที่เต็มไปด้วย neon gas แต่ ละพิกเซลกำเนิดแสงได้เองPlasma ทีวี จะเน้นทำแต่ ขนาดใหญ่ๆครับ 42 นิ้วขึ้นไป จนถึงขนาด 150 นิ้ว ครับ

ความแตกต่างของจอทั้ง 3 ชนิดคือ หลอดภาพที่แตกต่างกันในการแสดงผลครับ ข้อดีข้อเสียของของจอทั้ง 3ชนิด มีดังนี้ครับ

ข้อดีของ LCD TV

1. ให้สีที่สว่างสดใสเหมาะกับการแสดงสี กราฟฟิก เช่น การ์ตูน , สารคดี และละคร
2. เหมาะกับการนำไปเป็น Monitor ของคอมพิวเตอร์
3. เหมาะสำหรับใช้ในห้องที่สว่างสูง เช่นห้องนั่งเล่นหรือ ห้องรับแขก (หรือท่านที่จะซื้อเพื่อใช้ไปติดตั้งใน ร้านค้าหรือร้านอาหาร แอลซีดี ทีวี ก็จะเหมาะสมกว่า)
4. อาการ Burn-In จะไม่โอกาสไม่เกิดขึ้น เลย
5. แอลซีดีทีวียังกินไฟน้อยกว่าด้วยนะครับ

ข้อดีของ LED TV

1.ลักษณะจอมีขนาดบางกว่าจอLCD และจอPlasma

2.ความสว่างและสีสันค่อนข้างสดกว่า

3.กินไฟน้อยกว่าจอทั้ง2ชนิด

ข้อดีของ Plasma TV

1. สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดี กว่า เนื่องจากมี Response Time .001 ms จึงเหมาะกับการใช้ รับชมภาพยนตร์ Action และการรับชมกีฬาเป็นอย่างมาก
2. อายุการใช้งาน ยาวนานกว่าที่ 100,000 ชั่วโมง (Half Brightness)
3. สามารถแสดงระดับพื้นสีดำได้ดีกว่า
4. มีคอนทราสต์ที่สูงกว่าทำให้เห็นมิติของภาพได้ดีกว่า
5. มุมมองจอภาพที่กว้างกว่า แอลซีดี
6. ให้สีที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ มากกว่า สีออกโทนอุ่น

ข้อเสียของ LCD TV

1. ไม่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดี เนื่องจากมี Response Time เร็วที่สุดในขณะนี้เพียง แค่ 2 ms เท่านั้น
2. มีความเพี้ยนของสีเกิดขึ้นโดยเฉพาะสีแดง, โทน สีผิว, สีท้องฟ้า ทะเล
3. ไม่สามารถแสดงสีดำสนิทได้เนื่องจาก Backlight เปิด ตลอดเวลาในขณะที่เครื่องทำงาน ทำ ให้มีแสงขาวเล็ดลอดออกไปในฉากที่เป็นสีดำ จึงทำให้ฉากสีดำเป็น “ดำสว่าง” ไม่ใช่ “ดำมืด” อย่างที่ควรเป็น

ข้อเสียของ LED TV

1.ราคาแพงกว่า จอLCD และ Plasma

2.ตลาดยังไม่ได้รับความนิยมเพราะ ในปัจจุบันมีแค่ยี่ห้อ Samsung เท่านั้น

ข้อเสียของ Plasma TV

1. อาการ Burn-In มี โอกาสเกิดขึ้นได้ถ้าเปิดภาพนิ่งเป็นเวลานานๆ เช่นโลโก้ช่อง 7 หรือโลโก้ True Vision เป็นต้น (ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับ การนำไปเป็น Monitor ของคอมพิวเตอร์)
2. ไม่เหมาะสำหรับใช้ในห้องที่สว่างสูง เช่นห้องนั่งเล่น หรือกลางแจ้ง
3. หน้ากระจก ทำให้เกิดการสะท้อนเป็นเงาได้
4. กินไฟมากว่าทั้งจากตัวทีวีเอง และการทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นเพราะ Plasma TV มี ความร้อน ออกมาจากตัวเครื่อง มากกว่า

5.ค่าซ่อมแพง ซ่อมต้องซ่อมเปลี่ยนทั้งหลอดภาพหมดทั้งชุด

แว่น 3D เพื่อคนมีปัญหาด้านสายตาโดยเฉพาะ


ปัญหาการใช้แว่นตาแบบ Active Shutter เพื่อการรับชมภาพในระบบ 3 มิติ ก็ได้รับการแก้ไขจาก Samsung แล้ว อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การรับชมภาพจาก TV แบบ 3 มิตินั้น เราจะต้องใช้ควบคู่ไปกับแว่นตาแบบ Active Shutter ด้วยที่จะแถมมมากับตัวเครื่องนั่นเอง แต่แว่นที่มีอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะของยี่ห้อไหนๆก็ตาม มันก็ถูกออกแบบว่าแค่ให้ทำงานได้ดีกับ คนส่วนใหญ่ที่สายตาปกติ ไม่มีปัญหาสั้น หรือยาว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการออกแบบแว่นให้ หน้าแว่นและขาแว่นนั้นกว้างหน่อย เพื่อที่จะได้ให้คนที่สวมแว่นตาสายตาอยู่แล้ว สามารถนำแว่น 3D ไปสวมทับอีกทีนึงได้

แต่ล่าสุด Samsung ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่ได้ออกแว่นตา 3D ที่มีเลนส์เป็นแบบสายตาโดยเฉพาะ เป็นผู้ผลิตรายแรกเลย แต่นั่นก็หมายความมันจะเป็นเลนส์แบบพิเศษ ที่จะมีได้ก็ต้องทำการวัดสายตาก่อนนะครับ

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโลโนยี ที่ทำการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นทางออกให้แก่ผู้ใช้อีกกลุ่มที่มีปัญหาสายตา แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกหลายบริษัทก็กำลังทำการพัฒนาเลนส์แว่น 3D แบบสายตาอยู่เหมือนกัน ในอนาคตคิดว่าน่าจะออกกันมาหมดทุกยี่ห้อแน่ๆ ใครที่มีปัญหาสายตา ต้องพึ่งพาแว่นตาตลอด ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลกับการรับชมภาพด้วยการต้องสวมแว่นทับ 2 อันซ้อนให้เกะกะกันอีกต่อไปแล้ว

Bang & Olufsen LED 32 นิ้ว


อีกหนึ่งแบรนด์หรูจากประเทศเดนมาร์กครับ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการออกแบบรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ ที่ทันสมัยล้ำยุคสุดๆ ล่าสุดปล่อยออกมาอีก กับซีรี่ Beo Vision 10 กับไซส์ 32 นิ้ว เป็นตัวที่ 2 ของแบรนด์นี้ที่ออกขนาด 32 นิ้วออกมา เพราะโดยปกติแล้วมักจะออกแค่ขนาดใหญ่ 46 นิ้วขึ้นไป และราคาก็แพงเอาเรื่องทุกตัวไป ออกแบบเทพๆ มันก็ต้องราคาเทพๆงี้แหละ สำหรับตัวนี้ก็จะเป็นจอแบบ LED ครับ มาพร้อมตัวรับสัญญาณ DVB-HD ลำโพงอีกหนึ่งคู่ที่ Bang & Olufsen บอกว่า “มันเหนือกว่ากว่าทีวีไซส์นี้ในระดับเดียวกันเป็นไหนๆ” แล้วราคาไอเจ้าทีวีหน้าตาดูดีนี่ล่ะเท่าไหร่ ก็อยู่ที่ 4,000 ยูโร เงินไทยก็ราวๆ 166,000 บาท บอกแล้วไงว่าราคาเทพครับ